วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คำศัพท์ครั้งที่2


11.Fiber Optic  คือ สายใยแก้วนาแสง  
      คือ สายสัญญาณของระบบเครือข่ายอีกชนิดหนึ่ง ที่มีความสามารถในการรับ-ส่งสัญญาณได้ไกลๆ เป็นกิโลเมตร และมีการสูญเสียของสัญญาณน้อยมาก เป็นสายที่ใช้แสงเป็นสัญญาณ และแก้วหรือพลาสติกใสเป็นสื่อนาสัญญาณ ภายในทำจากแก้วที่มีความบริสุทธิ์สูงมาก  มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดเท่าเส้นผมของคนเรา แต่มีราคาแพง
12.Backbone 
     หมาย ถึงสายส่งขนาดใหญ่ ในการนำข้อมูลจากสายขนาดเล็กกว่าเพื่อการเชื่อมต่อภายใน  ซึ่งในระดับ LAN โดย backbone เป็นสายหรือกลุ่มของสายซึ่งระบบต่อเชื่อมกับระบบ WAN หรือภายในระบบ เพื่อขยายประสิทธิภาพของระยะทาง  ในอินเตอร์เน็ตหรือระบบ WAN อื่น ๆ backbone เป็นกลุ่มของเส้นทางที่เครือข่ายต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อเข้ากับการเชื่อมโยงระยะไกล จุดเชื่อมต่อของเครือข่ายคือ nodes หรือ telecommunication data switching exchange (DSEs)
13.Hub  
     ฮับ หรือบางทีก็เรียกว่า รีพีตเตอร์(Repeater) หรืออีกชื่อหนึ่ง Multiport-repeater คือ อุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกลุ่มของคอมพิวเตอร์ Hub มีหน้าที่รับส่งเฟรมข้อมูลทุกเฟรมที่ได้รับจากพอร์ตใดพอร์ตหนึ่งไปยังทุก ๆ พอร์ตที่เหลือ คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับ Hub จะแชร์แบนด์วิธหรืออัตราข้อมูลของเครือข่าย ฉะนั้นยิ่งมีคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อเข้ากับ Hub มากเท่าใด ยิ่งทำให้แบนด์วิธต่อคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องลดลง
 14.Bandwidth 
     คำว่า Bandwidth นั้นเกิดจาก Band หมายถึง คลื่นความถี่ และ Width หมายถึง ความกว้าง รวมแล้ว Bandwidth คือ ความกว้างของคลื่นความถี่ เปรียบได้กับถนน ยิ่ง Bandwidth สูง การรับส่งข้อมูล เข้า ออก ก็ยิ่งมีประสิทธิภาพสูง เป็นปริมาณการรับ และการส่งข้อมูล  (Data-Transfer)  หรือเราจะเปรียบเทียบกับมิเตอร์น้ำก็ได้  แต่มิเตอร์น้ำจะนับแค่ขาเข้า   แต่การคำนวณ Bandwidth จะคำนวณจากปริมาณข้อมูลทั้งขาเข้า และขาออก 
 15.Port 
      คำว่าพอร์ตสำหรับวงจรดิจิตอลคือลักษณะ ของสายสัญญาณเส้นหนึ่ง ของวงจรๆ หนึ่ง เช่นใน IC ตัวหนึ่ง ๆ ก็มีหน้าที่ในการส่งสัญณาณออก ไปซึ่งจะเรียกว่า เอาท์พุตพอร์ต (output) หรือถ้ารับสัญญาณเข้ามา ก็จะเรียก อินพุตพอร์ต (Input Port)
 16.Collision Domain 
     คือการเชื่อมคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งเข้าด้วยกัน คอมพิวเตอร์ทั้งหมดติดต่อสื่อสารกันได้และข้อมูลก็อาจจะเกิดการชนกันได้ ทำให้เกิดการรับส่งข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง การแก้ไขการชนกันของข้อมูลนั้น ต้องใช้กฏกติกาการรับส่งข้อมูลเข้ามาช่วยเช่น CSMA/CD (Carrier Sense Multiple Access/Collision Detect) เป็นหนึ่งในกติกานั้น ซึ่งจะคล้ายกับสัญญาณไฟจราจรที่มีการหลีกเลี่ยงกันและกันในทางแยก (สำหรับในที่นี้จะไม่กล่าวถึงรายละเอียด) Collision Domain ส่วนมากมักจะเกิดจากเชื่อมต่อเข้าหากันด้วยอุปกรณ์ Hub ซึ่งในการเชื่อมต่อ Hub ต่อกันไปเรื่อยๆ ทั้งหมดจะอยู่ใน Collision Domain เดียวกัน ดังนั้นจะทำให้มี Collision Domain ขนาดใหญ่มากทำให้มีข้อมูลวิ่งเต็มไปหมดและมีโอกาสเกิดการชนกันของข้อมูลได้ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการรอคอยที่ยาวนานกว่าจะสามารถทำการรับส่งข้อมูลได้ทำ ให้ มี Switch เข้ามาทดแทนดังในปัจจุบันนั่นเอง
17. Broadcast  
     คือ สถานีบริการหนึ่งสามารถส่งกระจายข่าวสารมัลติมีเดียไปให้กับผู้ขอใช้บริการ (client) ได้ทุกเครื่องบนเครือข่ายในขณะเดียวกัน เช่นถ้า เชิร์ฟเวอร์เป็นสถานีบริการทีวี ก็จะกระจายไปยังผู้ชมที่อยู่บนเครือข่ายได้ทุกคน เป้าหมายที่สำคัญต่อมาคือ ต้องการให้ผู้ชมมีปฏิสัมพันธ์ได้ หรือโต้ตอบกลับได้ ถ้าเป็นเช่นนี้ ผู้ชมสามารถร่วมเล่นเกมโชว์จากทางบ้านได้
 18.Active HUB 
     คืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางรวมสายเชื่อมโยงจากคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์นี้จะรับส่งสัญญาณกับคอมพิวเตอร์ซึ่งช่วยขยายสัญญาณ มักใช้ในเครือข่ายแบบ Token Ring ซึ่ง Active HUB จะทำหน้าที่ขยายสัญญาณ ที่ส่งมาทำให้สามารถสัญญาณได้ไกลขึ้น โดยจะทำการสร้างสัญญาณที่ได้รับขึ้นมาใหม่ และทำการส่งสัญญาณออกไปและต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำงาน ซึ่งฮับส่วนใหญ่แล้วจะเป็นฮับชนิดนี้
 19. Passive HUB  
     คืออุปกรณ์ที่มีหน้าที่ในรับและส่งผ่านข้อมูล เป็นฮับที่ไม่มีการขยายสัญญาณใดๆ ที่ส่งผ่านมา มีข้อดีคือราคาถูกและไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้า
20. Switch 
     คือ อุปกรณ์เครือข่ายที่ทำหน้าที่ใสเลเยอร์ที่ 2 Switch บางทีก็เรียกว่า Switching Hub (สวิตชิ่งฮับ) ซึ่งในช่วงแรกนั้นจะเรียกว่า Bridge (บริดจ์) เหตุผลที่เรียกว่าบริดจ์ในช่วงแรกนั้น เพราะส่วนใหญ่บริดจ์จะมีแค่สองพอร์ต และใช้สำหรับแยกคอลลิชันโดเมน ปัจจุบันที่เรียกว่า Switch เพราะหมายถึง บริดจ์ที่มีมากกว่าสองพอร์ตนั่นเอง  Switch สามารถส่งข้อมูลที่ได้รับมาจากพอร์ตหนึ่งไปยังเฉพาะพอร์ตที่เป็นปลายทางเท่า นั้น ทำให้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับพอร์ตที่เหลือสามารถส่งข้อมูลถึงกัน และกันได้ในเวลาเดียวกัน การทำเช่นนี้ทำให้อัตราการส่งข้อมูล หรือแบนด์วิธไม่ขึ้นอยู่กับจำนวนคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับ Switch คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะมีแบนด์วิธเท่ากับแบนด์วิธของ Switch ด้วยข้อดีนี้เครือข่ายที่ติดตั้งใหม่ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะนิยมใช้ Switch มากกว่า Hub เพราะจะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการชนกันของข้อมูลในเครือข่าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น